ปรับทุกข์ผูกมิตร ฟื้นคืนชีวิตชุมชน ห้องเรียน Community Coaching รุ่น 2

    Admin Arayatime

    เผยแพร่ 02 กันยายน 2568
    “เราทำไปคนเดียวไม่ได้ ต้องไปหาพวก” รศ.ประภาภัทร นิยม อธิการบดี สถาบันอาศรมศิลป์ กล่าวเปิดกิจกรรมในวันที่สอง (16 ส.ค. 2568) “กิจกรรมแผนที่คนดี (People Mapping)” ในการอบรมห้องเรียนขับเคลื่อนชุมชนขั้นก้าวหน้า (Introduction to Community Coaching Course) อบรมระยะสั้นในรูปแบบอบรมเชิงปฏิบัติการ (Co-Create) รุ่น 2 จัดโดยสำนักการประกอบการทางสังคม สถาบันอาศรมศิลป์ ณ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 15-17 ส.ค. ที่ผ่านมา “ซึ่งเราเองก็ไม่เคยคุยกับเขา เข้าไม่ถึง หรือแม้แต่บางทีเขาก็ต่อต้านเราด้วยซ้ำ แต่เราต้องไปปรับทุกข์ผูกมิตร เพื่อรู้เรื่องของเขา เพื่อชวนเขาค้นหาความดีในตัวเขาเอง เพราะเขาเองก็อาจจะมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อดีอะไร และเมื่อคนเราเริ่มกล้าพูดเรื่องของตนเองก็จะมีความสุข มีความมั่นใจ มีกำลังใจ มีเป้าหมายมากขึ้น ทีนี้พอเราไปในชุมชน ตัวเราเองก็จะกลายเป็นผู้ให้กำลังใจผู้อื่นได้เช่นกัน” อ.ประภาภัทร กล่าว กิจกรรมแผนที่คนดี (People Mapping) เป็นกิจกรรมทำความรู้จัก ทำความเข้าใจชุมชนผ่านการฟัง การสัมภาษณ์ และการเรียบเรียงอย่างลึกซึ้ง เพื่อค้นหาคุณค่าความดีในตนของแต่ละบุคคลในชุมชน เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างชุมชนและทีมงานขับเคลื่อน โดยจัดผู้เข้าอบรมแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม เดินเข้าชุมชนบ้านบุ่งเตยและชุมชนบ้านเกาะแก้ว ไปทำความรู้จักตามบ้าน จากนั้นนำข้อมูลมาเรียบเรียงและจัดเวทีคืนความรู้ โดยเชิญชาวบ้านในชุมชนมาร่วมกิจกรรมในวันงานด้วย เวทีคืนความรู้สู่ชุมชน “แผนที่คนดี” จัดขั้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2568 ที่โรงเรียนบ้านบุ่งเตย ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงบ้าน วัด และโรงเรียนเข้าด้วยกัน โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความอบอุ่น “ขอบคุณที่มาทำกิจกรรมที่นี่ ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ เราก็เป็นคนดีกับเขาด้วย” เสียงสะท้อนจากชาวชุมชน และหลังจากทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนแล้ว ผู้เข้าอบรมเข้าสู่ช่วงถอดสะท้อนกระบวนการและการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่ม “ฟังแล้วจดจารไว้ในใจ เราก็จะเริ่มระแคะระคายว่า มนุษย์เรามีเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาในทางกุศล เป็นกุศโลบาย การทำในทางกุศลที่ไม่ต้องเสียเงินคือ การรับฟัง” อ.ประภาภัทร เพิ่มเติม สะท้อนจากผู้เข้าอบรม “ฟังแล้วเราเห็นสิ่งที่หัวใจสะกัดออกมา ตลอดเวลาไม่ค่อยให้โอกาสในการฟังคน ไม่รอฟังเลย เรามองข้ามความดีเล็กๆ มากมาย ต่อไปนี้จะให้เวลาได้ฟังใจ จะรอฟังให้ได้เรื่อง” “เราติดคุยไปเรื่อยๆ ตอนหลังก็มาคุยเพื่อเอาเป้าหมาย แล้วทำยังไงระหว่างการคุยแบบสุนทรีย์และการคุยแบบมีเป้าหมายสมดุลกัน ก็เลยต้องมาปรับเรื่อยๆ ที่ตัวเรา” โดยในช่วงสุดท้ายของการอบรม เป็นการถอดสะท้อนกระบวนการจากกิจกรรมแผนที่คนดีที่ผ่านมา เพื่อให้ทีมขับเคลื่อนเข้าใจในหลักการและวิธีการ และสามารถนำไปปรับใช้ได้ ซึ่ง อ.ประภาภัทร ฝากข้อคิดแก่ครูและโค้ชทุกท่าน ผู้เป็นตัวจริงที่กำลังทำงานขับเคลื่อนชุมชน “เรื่องที่เราประจักษ์ด้วยตนเองแล้วว่า เมื่อเราทำงานชุมชน เราเป็นนักเรียนรู้ เราสามารถที่จะครีเอท (สร้างสรรค์) หรือเจนเนอเรท (สร้างใหม่) พลังของเราไปเหนี่ยวนำพลังให้กับคนอื่นๆ ได้ ทีนี้ตัวที่จะเจนเนอเรทได้ก็คือคุณความดีของเรานั่นเอง เช่น ถ้าเราไม่มีอัตตา เราฟังให้เป็น ฟังด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วเรียนรู้จากเขาตลอดเวลา เราจะเห็นแม้แต่สิ่งที่เขาเองก็ไม่เห็น แล้วเราจะขับเคลื่อนได้ แม้แต่การเป็นครู เป็นโค้ชก็เหมือนกัน เราไม่ใช่เป็นผู้รู้ ไม่ใช่เป็นผู้ที่เก่งกว่า ต้องยอมรับใช่ไหมว่าเราทำเองไม่ได้ทั้งหมด เราทำเองได้เพียงบางส่วน แต่คนที่ทำคือชาวบ้าน คือเขาทั้งนั้นไม่ใช่เรา อันนี้เราต้องยอมรับ แต่ว่าการที่เราเป็นกัลยาณมิตร การอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ จะช่วยทำให้เกิดการสร้างสรรค์ของเขาเองได้ เขาจะเปิดศักยภาพได้ที่ซ่อนอยู่ ชาวบ้านก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่เขาทำกันทุกวันมันแน่ขนาดไหน จนกว่าจะมีคนไปมอง ก็ขอฝากว่า ให้มีความสุขในการทำงานขับเคลื่อนชุมชนอย่างเป็นพลวัตรที่มีประสิทธิภาพสูง แล้วทุกคนที่เราไปคบสมาคมด้วยเขาก็จะรักเรา เห็นเราเป็นเพื่อน อันนี้ก็จะทำให้สังคมมีรากฐานที่ยั่งยืนด้วยกันได้อย่างมีประโยชน์ ขอให้อยู่เย็นเป็นประโยชน์กันทุกคน สาธุค่ะ” แม้การอบรมจะจบลงแล้ว แต่การทำงานเคียงคู่กันไปนั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แม้วิธีการของแต่ละทีมจะต่างกันไป แต่เป้าหมายของเรามิได้แตกต่างกัน ยังคงเป็นเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมที่ต้องการรักษา ดิน น้ำ ป่า และภูมิปัญหาของผู้คนบนแผ่นดินถิ่นเกิดให้คงอยู่และพัฒนาต่อไป กราบขอบพระคุณ อ.ประภาภัทร นิยม ครูผู้ให้แนวทาง ขอบคุณ ทีมวิทยากรจัดงานและทีมงานเบื้องหลังทุกท่านค่ะ #arayatime #พึ่งตนเพื่อชาติ #สถาบันอาศรมศิลป์ #COCO101
    ความคิดเห็น