ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น จากพ่อสู่ลูก สืบสาน รักษา ต่อยอดธุรกิจด้วยหัวใจ

    ทีมอารยธาม

    เผยแพร่ 14 กรกฎาคม 2568

    พี่มล หรือ คุณนฤมล ภูมิระวิ เป็นลูกคนโตของครอบครัว “ภูมิระวิ” คุณพ่อคือคุณประวิทย์ ภูมิระวิ หรือที่ชาวบ้านทุกคนเรียกติดปากกันว่า “กำนันเคว็ด” กำนันผู้ริเริ่มเกษตรครบวงจร ใช้ธรรมชาติเป็นตัวขับเคลื่อน ต้นแบบการทำเกษตรผสมผสานแบบครบวงจรในพื้นที่ 27 ไร่ โดยยึดธรรมชาติเป็นหัวใจของระบบการผลิต ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และบริหารจัดการน้ำตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงวางรากฐานไว้

    ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 กำนันเคว็ดเริ่มเปลี่ยนจากการทำสวนเชิงเดี่ยว มาสู่แนวทางที่เรียบง่ายแต่มั่นคง ด้วยแนวคิดว่า

    หากเราปลูกอย่างเดียวแล้วต้องใช้เงินซื้อทุกอย่าง ก็เท่ากับเรายังไม่พึ่งตนเอง

    กำนันเคว็ดจึงปลูกพืชหลากชนิดในพื้นที่เดียวกัน เช่น ปาล์ม มะเม่า มะม่วงเบา กระท้อน เสาวรส ควบคู่ไปกับการ เลี้ยงหมู ปลา วัว เป็ด ไก่ และปลูกป่า โดยมีการบริหารจัดการน้ำตามแนวคิดที่ลอกเลียนแบบธรรมชาติ

    เมื่อครอบครัวมั่นคง กำนันได้ขยายแนวคิดสู่ชุมชน ผ่านการจัดทำ “แผนแม่บทชุมชน” เพื่อให้ชาวบ้านรู้จักตนเอง เข้าใจธรรมชาติ และร่วมกันวางแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน กำนันได้รับโอกาสไปพัฒนา “โครงการหนองใหญ่” จึงกลายเป็นต้นแบบของ “ภาคประชาชน” ที่ร่วมมือกับภาคราชการ สืบสานพระราชดำริอย่างแท้จริง และตอบคำถามสำคัญว่า

    “ทำอย่างไรให้คนในโครงการพอกิน พออยู่” ซึ่งกำนันก็ได้พิสูจน์แล้วว่า แนวทางนี้สามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารได้จริง

    “พี่มล” เติบโตมากับแนวคิดของพ่อ ได้ซึมซับวิถีชีวิตเกษตรอินทรีย์ และนำสิ่งเหล่านั้นมาต่อยอดเป็นแรงบันดาลใจในการทำไอศกรีมจากผลไม้ในสวนของพ่อ

    ตั้งแต่เด็กพี่มลจะติดตามพ่อไปทำภารกิจต่างๆ อยู่เสมอ จนเมื่อพ่อต้องไปช่วยโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร พี่มลได้ตามพ่อเข้าไปอยู่ในพื้นที่ด้วย ระหว่างนั้นได้เห็นต้นไม้รอบตัวที่พ่อปลูกในพื้นที่มีผลผลิตมากมาย ให้สัตว์ต่างๆ ได้กิน แต่ที่เหลือกลับถูกปล่อยทิ้งไม่ได้นำมาทำประโยชน์ จึงคิดอยากแปรรูปผลผลิตเหล่านั้น แทนที่จะปล่อยให้เน่าเสียไปเปล่าๆ ประกอบกับพี่มลเป็นคนชอบกินไอศกรีมเป็นทุนเดิม และไอศกรีมยังเป็นของหากินได้ยากในพื้นที่นั้นอีกด้วย เรียกได้ว่ามีเหตุผลมากมายที่ทำให้ความคิดในการทำไอศกรีมของพี่มลครั้งนี้ถูกกระตุ้นให้เริ่มได้เร็วขึ้น อีกทั้งเป็นเรื่องที่ท้าทายและน่าสนุกสำหรับเด็กอย่างพี่มลซึ่งกำลังเข้าสู่วัยรุ่นในช่วงนั้น 

    เมื่อความคิดถูกปลุก พี่มลไม่รอช้า ค้นคว้าและศึกษาหาข้อมูลการทำไอศกรีม รวมถึงไปลงเรียนคอร์สภาคปฏิบัติ จากนั้นจึงนำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนาสูตรของตน โดยมีพื้นฐานในใจว่า จะทำไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์ของตน โดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นผักผลไม้พื้นเมืองที่ได้มาจากไม้ที่พ่อปลูกไว้ ตามแต่ละฤดูกาลเท่านั้น

    พี่มลเริ่มทำไอศกรีมจริงจังมากขึ้น เมื่อคิดค้นสูตรใหม่ๆ ได้ ก็เริ่มแบ่งปันให้เพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดได้ลองชิม “จากรากเหง้าสู่ไอศกรีมผลไม้โฮมเมด” 

    ไอศกรีมถ้วยแรกเกิดขึ้นที่ “โครงการพระราชดำริหนองใหญ่” ในปี 2554 กับเมนูที่หลายคนยังจำได้…“ไอศกรีมมะเม่าโรยพริกเกลือ” และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางธุรกิจที่เปี่ยมด้วยหัวใจ

    ไอศกรีมที่ทำในช่วงแรกนั้น ทำด้วยมือล้วนๆ ไม่มีเครื่องกวนไอศกรีมหรืออุปกรณ์ทุ่นแรงใดๆ วัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ ก็เป็นผลไม้ที่เติบโตตามธรรมชาติแทบทั้งสิ้น ปริมาณไอศกรีมที่ได้จึงมีไม่มากนัก แต่พี่มลได้เพิ่มพูนสะสมความรู้ในการทำไอศกรีม เรียนรู้จากการลงมือทำ ลองผิดลองถูก จนมีประสบการณ์มากขึ้นในการนำมาใช้ปรับปรุงสูตรในครั้งถัดๆ มา 

    ขณะศึกษาระดับปริญญาโท พี่มลได้พบกับ ฐานันตร์ สุทธิกวี (สามี) ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ ทั้งคู่จึงขยายตลาดไปยังจังหวัดสงขลา โดยเริ่มที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และชุมชนรอบมหาวิทยาลัย

    ไอศกรีมของพี่มลมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ สดใหม่ และใช้เนื้อผลไม้แท้ จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

    และวันหนึ่งพี่มลจึงตัดสินใจกลับบ้าน...... 

    เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงตัดสินใจกลับบ้าน พี่มลบอกว่า “เพราะจากบ้านไปกว่า 10 ปี เมื่อถึงจุดหนึ่งจึงคิดอยากกลับบ้านไปอยู่ใกล้พ่อแม่และน้อง ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำงานที่ตัวเองรักไปด้วยได้”

    เมื่อกลับบ้าน พี่มลจึงวางแผนทำพื้นที่คาเฟ่เล็กๆ ภายในบ้าน  มีมุมเครื่องดื่ม มุมไอศกรีมของตนเองพร้อมเสิร์ฟอยู่ด้วย  พ่อและน้องช่วยกันออกแบบและตกแต่ง ทำให้คาเฟ่กลายเป็นพื้นที่แห่งความรัก ความอบอุ่น และความตั้งใจร่วมกัน

    เมื่อทำจนอยู่ตัว มีฐานลูกค้ามากจำนวนหนึ่ง ปริมาณไอศกรีมจึงต้องเพิ่มมากขึ้นไปด้วย การมีอุปกรณ์ช่วยในการทำไอศกรีมจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งในเรื่องของปริมาณและการควบคุมคุณภาพ จากที่เคยทำมือ พี่มลเริ่มหันมาใช้เครื่องปั่นไอศกรีม เพิ่มตู้แช่ไอศกรีม เพื่อรองรับการจัดเก็บไอศกรีมปริมาณมากให้ยังรักษาคุณภาพของรสชาติไว้ได้ ประกอบการขนส่งในปัจจุบันมีระบบการขนส่งห้องเย็นที่ดีขึ้นมาก  ทำให้สะดวกในการขนส่งไอศกรีมให้กับลูกค้าโดยไม่เกิดความเสียหายอีกด้วย

    ไอศกรีมที่พี่มลทำส่วนใหญ่จะเป็นไอศกรีมซอร์เบย์ (Sorbet) ที่ไม่ใช้นม เน้นรสชาติสดชื่นของผลไม้ไทยแท้ เนื้อไอศกรีมเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เบา ไม่ครีมมี่เหมือน sherbet หรือไอศกรีมนมทั่วไป  ไอศกรีมมีรสชาติแปลกใหม่ หากินยากในท้องตลาด เช่น ไอศกรีมรสมะม่วงเบา ใบเหลียงส้มจี๊ด มะเม่า มะยม มะม่วงเบาสุก ทุเรียน ลูกโท่ มะขาม มะนาวอัญชัน กระท้อน เป็นต้น

    ไอศกรีมของ siam fruit มีจุดเด่นอยู่ที่

    1. ควบคุมการเก็บวัตถุดิบ (ผลไม้) ในการทำไอศกรีมได้เอง รสชาติจึงคงที่
    2. ใช้ผลไม้สดคุณภาพสูงจากสวนของครอบครัว
    3. ไม่ปรุงแต่งเกินจริง กลิ่นรสแท้จากผลไม้
    4. สดใหม่ ทำที่บ้าน รสชาติจริงใจ
    5. ไม่ใส่สี กลิ่น หรือวัตถุกันเสีย

    เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจในการทำคาเฟ่ พี่มลได้กรอบความคิดมาจากพ่อ โดยเอาแนวคิดของพ่อมาบอกเล่าเรื่องราวไอศกรีมที่ตนทำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “พาครอบครัวกลับบ้าน” ผ่านการใช้ชีวิต จากรากเหง้าสู่ไอศกรีมผลไม้โฮมเมด


    พี่มลเปรยเบาๆ ว่า “มลกลับมาช้าไปด้วยซ้ำ”  

    “พ่อ...คือต้นแบบของชีวิต” พี่มลกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “พ่อ คือไอดอลของพี่ และพี่พยายามจะเดินตามรอยที่พ่อทำให้ดูมาตลอดทั้งชีวิต สิ่งที่ได้จากพ่อ คือระบบคิดของพ่อ พ่อจะไม่สอนลูกตรงๆ แต่พ่อจะทำให้เห็น พ่อเป็นคนช่างสังเกต อดทน เก็บรายละเอียดต่างๆ รอบตัวเสมอ พ่อเป็นคนที่ตั้งใจจริง ทำไม่เคยหยุด ไม่เคยยอมแพ้ พ่อทำสวนโดยใช้ธรรมชาติเป็นตัวขับเคลื่อน พ่อปลูกฝังให้ลูกๆ กล้าคิด กล้าทำและกล้าตัดสินใจเองตั้งแต่เด็ก พ่อเปี่ยมด้วยเมตตา...ไม่เคยมองผลประโยชน์ตนเอง มีแต่ทำให้ผู้อื่น คอยช่วยเหลือคนรอบข้างเสมอไม่มีอะไรที่พ่อทำไม่ได้”

    คำสอนหนึ่งที่พี่มลจดจำจนขึ้นใจได้เสมอคือ…

    ถ้าจะทำ อย่าหาข้ออ้าง อย่าสร้างเงื่อนไข…ให้ลงมือทำเลย แล้วประสบการณ์จะสอนเราเอง
    เพราะสุดท้าย..…."ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้าน”


    และนี่เองคือเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง “พาครอบครัวกลับบ้าน” กลับมาอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของพ่อแม่ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ พื้นที่ปลอดภัย ที่ลูกๆ สามารถเติบโตเคียงข้างไปกับพ่อแม่ด้วยความภาคภูมิใจ โดยไม่ต้องกังวลหรือกลัวสิ่งใด เพราะความรักของพ่อแม่จะคอยดูแลและโอบอุ้มเราอยู่เสมอ


    บ้านที่มีพ่อ แม่ น้อง และสวนที่เต็มไปด้วยความรัก แรงบันดาลใจ และเรื่องราวดีๆ ที่ยังคงเติบโตอย่างงดงาม…ที่นี่


    เรื่อง Writer:                 ณฐ๑

    ภาพ Photography:    สื่ออารยธาม

    ความคิดเห็น